ขับรถเที่ยวเช็ก
ขับรถเที่ยวเช็ก
ทริปนี้เป็นการขับรถเที่ยวตามสถานที่สวยงามๆของเช็กใช้เวลา 7 วันในการเดินทาง เริ่มจากเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov) และไปจบลงที่ ปราก (Prague) เป็นการเที่ยวแบบรวมทั้งประวัติศาสตร์ วัฒนะธรรมและสถานที่ธรรมชาติ รับรองว่าจะหลงรักประเทศนี้ และเป็นทริปที่ไม่เร่งรีบเพื่อให้เราได้ผ่อนคลายและซึมซับกับทุกสิ่งอย่างได้อย่างเต็มที่
1 - 2 เช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov)
ที่แรกของเราคือเมืองแห่งเทพนิยาย เช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov) ถูกขึ้นเป็นมรดกโลกอีกแห่งของประเทศเช็กในปี 1992 มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากกว่าพันปีมาแล้ว สามารถเดินเล่นชมความน่ารักและโรเมนติกได้แบบไม่เบื่อเลย
เชื่อกันว่าขุนนางคนแรกๆที่มาอาศัยอยู่ที่เช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov Castle) ในปี ค.ศ. 995 คือตระกูลวิทิกอลเนน (Witigonen) โดยที่ตำนานเล่าว่าญาติสนิทของตระกูลนี้ แบ่งที่นี้ให้กับพวกเขา นั้นก็คือตะกูลพรีมีสโลซี (the Premyslovci) หรือที่รู้กันดีในราชวงศ์ของโบฮิเมีย โปแลนด์ และฮังการีในยุคนั้น
เมืองได้ถูกเปลี่ยนมือผู้ปกครองมาหลายครั้ง กระทั้งสงครามโลกครั้งที่สองจบลงในปี ค.ศ. 1945 เมืองและปราสาทก็ตกเป็นของตระกูล ชวาเซนเบริ์ก (Schwarzenberg) และอยู่ภายใต้การควบคุมของประเทศเยอรมันจนถึงการล่มสลายของพักนาซี (Nazi Party) เมืองเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov) ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเช็กอีกครั้ง
ทำอะไรดีในเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov)
ย่านเมืองเก่าเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov Old Town)
เมื่อขับรถมาถึงย่านเมืองเก่าแล้วที่จอดก็จะอยู่ใกล้กับปราสาท เป็นทางด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งเราจะเห็นประตูหินที่เป็นทางเข้าไปยังปราสาท
ถนนของที่นี้จะทำรูปแบบที่คดเคี้ยวไปตามแม่น้ำ เมื่อแหงนมองหน้าขึ้นไปบนฟ้าจะเห็นหลังคาทรงสูงเรียงกันอย่างสวยงาม
ถ้าใครสนใจที่จะซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธพันธ์ในย่านเมืองเก่าก็สามารถหยุดซื้อได้ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวของเมือง อยู่บริเวณศูนย์กลางของย่านเมืองเก่าเลย
สามารถดูข้อมูลและราคาได้ที่ http://www.ckrumlov.info/docs/en/atr422.xml
ปราสาทเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov castle)
เมื่อมาถึงตัวปราสาทสิ่งแรกที่เราทำเลยคือมองลอดผ่านรูตรงกำแพง (bird’s eye) เพื่อเห็นวิวสวยๆของเมือง
ปราสาทแห่งแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เพื่อเป็นที่อยู่ของราชวงศ์ตระกูล โรเซนเบริ์ก (Rosenbergs) และต่อมาชวาเซนเบริ์ก (Schwarzenberg) จนกระทั้งหลังสงครามโลกได้กลายเป็นสมบัติของชาติ
ถ้าซื้อตั๋วแล้วเราก็สามารถไปชมพิพิธพันธ์ และขึ้นไปบนหอคอยแล้วจะเห็นวิวที่มหัสจรรย์ของเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov)
หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปทางทิศตะวันตกเพื่อชมสวนและสระน้ำ
อารามมินอริท (Minorite Monastery)
ชมปราสาทเสร็จเราก็เดินย้อนกลับมาหยุดที่อารามมินอริท (Minorite Monastery)
ที่ถูกสั่งสร้างโดยตระกูลโรเซนเบร์ก (Rosenbergs) สามารถใช้ตั๋วที่ซื้อเข้าชมนิทรรศกาลสองแห่งที่อยู่ที่นี้ได้ ซึ่งเขาจัดแสดงเกียวกับบาทหลวงในยุคนั้นว่าใช้ชีวิตกันยังไง เช่นเรื่องราวของ เซนต์ ฟรานซิสแห่งอาสสิสิ (Saint Francis of Assisi ) ก่อนที่จะได้รับตำแหน่งเซนต์
ร้านค้าบริเวณลาทราน (Shops along Latran)
จากอาราม (Minorite Monastery) เราออกมาหยุดที่บริเวณ ลาทราน (Latran) เป็นที่ขายของฝาก ร้านชื่อว่า Cesky Pernik ซึ่งขายของท้องถิ่นพวก ขนมปังขิง ช็อกโกเลต แอลกอฮอร์ และงานประดิษฐ์ท้องถิ่น
ที่พักที่ดีที่สุดในในเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov)
โรงแรมเบลเลอร์วู (Hotel Bellevue)
ให้โรงแรมนี้ดีที่สุดเพราะราคาไม่แพงและมีคุณภาพ อยู่ใกล้กับปราสาทสามารถเห็นวิวสวยๆของเมือง และรอบข้างมีบรรยากาศที่โรแมนติก โรงแรมมีบริการอื่นๆด้วย เช่นสปา ซาวน่า นวด
ราคาเริ่มต้นที่ CZK 1,600
โรงแรมอื่นๆ
Hotel Ruze ราคา CZK 3,000
Hotel Arcadie ราคา CZK 2,600
Hotel Mlyn ราคา CZK 1,300
2 ปราสาทฮลูบูกา (Hluboka Castle)
หลังจากค้างคืนที่เช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov) ในตอนเช้าเราขับต่อไปที่ ปราสาทฮลูบูกา (Hluboka Castle) เป็นหนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดในเช็ก โดยคนเช็กเรียกที่นี้ว่า เป็นนอยชวานสเตง ของเช็ก (Czech Neuschwanstein Castle) ถูกสร้างในศตวรรษที่ 13 ถูกเปลี่ยนมือไปตามราชวงศ์ที่มีอำนาจในช่วงนั้นๆ เหมือนกับปราสาทเช็กกี้ครุมโลฟ (Cesky Krumlov) เวลาเปิดปิดแต่ละส่วนไม่เหมือนกัน
ตรวจสอบเวลาเปิด-ปิดได้ที่นี่
ตรวจสอบราคาตั๋ว
2 - 4 เมืองคาโลวี วารี (Karlovy Vary)
เราขับรถมาต่อที่คาโลวี วารี (Karlovy Vary) เป็นเมืองแห่งสปาที่มีความสวยงามในประเทศเช็ก บ้านแต่ละหลังมีสีลูกกวาดน่ารักๆ โดยเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในปลายศตวรรษที่ 14 โดยรับสั่งของพระเจ้าชาร์ลที่ 4 (Charles IV) เล่ากันว่าน้ำพุร้อนร้อนที่นี่มีความมหัสจรรย์ในการเยียวยารักษา คนดังในสมัยอดีดมาแช่กันหลายคน เช่น บีโทเฟน (Beethoven) ทอลสตอย (Tolstoy) โมสาร์ท (Mozart) และเราเลือกที่จะใช้เวลาอยู่ที่นี้สามคืนเต็มๆเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและทำสปา
ทำอะไรดีในเมืองคาโลวี วารี (Karlovy Vary)
มาเมืองนี้ต้องตระเวนดื่มน้ำพุร้อนพร้อมกับชม สถาปัตยกรรมอาร์ตนูโว (lavish Art Nouveau) และ บาโร้กที่หรูหรา (Baroque) ซึ่งช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัสเซียได้เข้ามาจึงถูกผสมด้วยสไตล์คอมมิวนิวส์ไปด้วย
The Spa Hotel Thermal
ก่อนที่จะถึงโซนสปาแถวบริเวณแม่น้ำ เทปลา (Teple) เราจะเห็นโรงแรมแห่งนี้ ที่ตัวอาคารได้อิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบสังคมยมอันแข่งกร้าว (Socialist Brutalist Architecture) และในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกๆปีจะมีการจัดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติขึ้นที่นี่
The Park Colonnade
สวนสาธารณะโคโลเนด ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 มีการตกแต่งแบบหรูหราผสมสไตล์เวียนนีส ที่นี่จะมีน้ำพุร้อนที่มาจาก น้ำพุงู (Snake Spring) โดยไหลออกมาจากก๊อกที่ทำเป็นงูในอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส คนที่นี่บอกว่าที่ทำเป็นก๊อกงูเพราะสมัยก่อนที่นี้เคยมีงูหญ้า (grass snake) อยู่เยอะ
The Mill Colonnade
เป็นสิ่งก่อสร้างที่มองไปแล้วรู้สึกถึงความอลังการ เพราะโครงสร้างมีเสาสไตล์คอรินเธียน (Corinthian) ลักษณะแข็งแรง เรียงยาวตลอดแนว ทำให้การชิมน้ำพุดูมีระดับไปอีกขั้นหนึ่ง โดยที่นี่มีแหล่งน้ำพุ 5 แห่งด้วยกัน ถูกสร้างในปี ค.ศ. 1880 ตอนสร้างใหม่ๆมีคนมาที่นี่ไม่มากนักแต่ตอนนี้ได้กลายเป็นจุดที่ทุกคนต้องมาเมื่อถึงคาโลวี วารี (Karlovy Vary)
The Market Colonnade
แหล่งน้ำพุแห่งนี้ถือว่าถูกใช้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ชื่อว่าน้ำพุชาร์ลที่ 4 (Charles IV Spring) เพราะว่ากษัตริย์ชาร์ลที่ 4 ใช้รักษาอาการป่วยที่ขา แต่ในสมัยนั้นมีแค่บ่อน้ำร้อนที่อยู่ท่ามกลางป่าซึ่งยังไม่ได้สร้างอะไรปิดไว้
หลังจากนั้นก็จะเดินไปที่หยุดที่พิพิธพันธ์แห่งหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแอลกอฮอร์ที่มีชื่อว่า เบเครอฟก้า (Becherovka) เป็นเหล้าที่หมักจากสมุนไพรต่างๆ ซึ่งช่วยดูแลระบบย่อยและรักษาร่างกาย
The Hot Spring Colonnade
เมื่อถึงน้ำพุร้อนโคโลเนด ใหสังเกตไปรอบๆ จะเห็นอาคารที่เป็นสไตล์คอมมิวนิสต์
น้ำพุที่นี่จะขึ้นจากใต้ดินเป็นช่วงๆ (Hot Spring Geyser) แต่ต้องระวังเพราะในบางครั้งก็พ้นน้ำออกมาได้สูงสุดถึง 12 เมตร มีอุณหภูมิอยู่ที่ 72 องศาเซลเซียสและเป็นแหล่งน้ำพุที่ร้อนที่สุดของเมือง
The Grandhotel Pupp
โรงแรมห้าดาวแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1700 เป็นเป็นโรงแรมที่หรูที่สุดแห่งแรกของเมืองคาโลวี วารี (Karlovy Vary) เราอาจจะคุ้นๆเพราะเคยถูกใช้ถ่ายหนังเรื่องเจมส์ บอนในฉากกาซิโน
Diana Tower Lookout
เนินแห่งนี้อยู่ถัดจากโรงแรมเดอะเกรนด์พุบ The Grandhotel Pupp โดยเราสามารถขึ้นรถรางไปยังหอคอยและป่าสลาฟคอฟ (Slavkov) ตั๋วราคาไปกลับ 80 CZK หรืออีกทางเลือกคือเดินเท้า ระยะทางไม่ไกลมากประมาณ 150 เก้า และสามารถขึ้นลิฟท์ต่อไปยังหอคอยเพื่อดูวิวของเมือง
สถานที่ทำสปาแนะนำ
เดอะคาสเซิลสปา (The Castle Spa)
มีบ่อนำร้อนและสไตล์ที่ทันสมัยกว่าสปาที่อื่นๆ ประสบณ์การที่ได้รับจะเป็นแบบสากลหรือไม่ได้เป็นแบบดั้งเดิมเสียทีเดียวและราคาค่อนข้างสูงกว่าที่อื่น ป้ายด้านหน้าสปาจะไม่ได้เขียนว่า The Castle Spa แต่จะเขียนว่า Z?mecky Lazne
สามารถดูรายละเอียดและราคาได้จากเว็บไซต์
http://www.zamecke-lazne.com/en/
(จันทร์ถึงวันศุกร์เปิดเวลา7.30 - 19.30 นาฬิกา และ เสาร์อาทิตย์เวลา 8.30 - 19.30 นาฬิกา)
โรงแรมเดอะวินเซอร์ (The Windsor Hotel)
เป็นอีกที่ที่เราสามารถแช่น้ำในบ่อน้ำร้อนอันแสนผ่อนคลาย อยู่บริเวณใจกลางของโซนสปา (Spa Zone) ราคาในการทำสปาไม่แพง และบ่อน้ำร้อนดูสะอาดแต่ไม่ได้ใหญ่มาก
สามารถดูรายละเอียดและราคาได้จากเว็บไซต์
https://windsor-carlsbad.cz/en/hotel-service/medical-and-wellness-treatments
โรงแรมสปาร้อน (Spa Hotel Thermal)
เราได้กล่าวถึงที่นี่ไปแล้วในสถานที่ที่ควรไป แต่มีมากกว่านั้นคือ การว่ายน้ำในบ่อน้ำร้อนกลางแจ้งของโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งสามารถเห็นวิวสวยๆของบริเวณสปา (Spa Zone) ของเมืองคาโลวีวารี (Karlovy Vary)ได้
สามารถดูรายละเอียดและราคาได้จากเว็บไซต์
https://www.thermal.cz/
อาล์สเบทินี ลาซเนอะ (Alzbetiny Lazne)
สถานที่สุดท้ายสำหรับคนที่อยากจะทำสปาแบบจริงจัง คืออาล์สเบทินี ลาซเนอะ (Alzbetiny Lazne) ที่นี่เป็นสถานที่ทำสปาที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองนี้ ตัวอาคารพึ่งถูกสร้างขึ้นมาในศตวรรษที่ 20 เชื่อว่าสปาจะช่วยบำบัดร่างกายให้ดีขึ้นได้ ตั้งอยู่บริเวณจุดเริ่มต้นของบริเวณสปา (Spa Zone) ของเมือง ซึ่งตัวอาคารจะเป็นสไตล์นีโอ-บาร็อก (Neo-Baroque) โดยการบำบัดก็จะมีแบบการแช่ในอ่าง การนวด และการสูดดมน้ำร้อนเพื่อบำบัดทางเดินหายใจ
สามารถดูรายละเอียดและราคาได้จากเว็บไซต์ http://www.spa5.cz/en/treatments.html
(เปิดเวลา 9.00 - 21.00 นาฬิกา แต่วันอาทิตย์ปิดเร็วตอน 18.00 นาฬิกา)
โรงแรมแนะนำ
โรงแรมแนะนำของเมืองนี้ได้ถูกกล่าวมาแล้วในข้างต้นทั้ง The Spa Hotel Thermal, The Grandhotel Pupp และ The Windsor Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาวที่หรูหรา มีประวัติอันยาวนานคู่กับเมืองคาโลวี วารี (Karlovy Vary) มีสปาอยู่ในตัวและเป็นที่พึงพอใจของแขก
สามารถดูเพิ่มเติมได้จาก https://www.luxuryhotelsguides.com
5 สวรรค์แห่งโบฮิเมียน (Bohemian Paradise)
เราหยุดที่นี้โดยไม่ได้ค้างคืน เพราะใช้เวลาเดินสำรวจไม่กี่ชั่วโมง ในเมือง ยิจีน (Jicin) ส่วนที่เรียกว่า Prachov Rocks เป็นเขตสงวนที่แรกของเช็กในปี 1955 เมื่อเดินเข้าไปจะเห็นหินทรายแท่งสูงตระง่านอยู่ข้างหน้า ทำให้รู้สึกว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่มหัสจรรย์มากที่สร้างสรรค์สิ่งนี้ขึ้นมา ในหน้าหนาวที่มีหิมะตก จะไม่มีคนเลยที่นี่ ห้องน้ำและที่ขายตั๋วจะปิดหมด แนะนำให้พกน้ำอุ่นไปด้วย แต่ดีมากเลยคือเราได้ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติแบบส่วนตัว หลังจากนี้เรามุ่งหน้าไปปรากกัน
5 - 7 ปราก (Prague)
ปรากเป็นเมืองหลวงที่งดงามอย่างมีสไตล์ทีเป็นเอกลักษณ์ของเช็ก โดยเราเลือกเที่ยวในสถานที่สำคัญๆและเริ่มต้นทุกวันในตอนเช้าเพื่อหลีกเลี่ยงฝูงชนในบางพื้นที่ จะแบ่งเที่ยวเป็นสองฝั่งแม่น้ำวอลตาวา (Vltava) คือเมืองเก่า (Old Town) และเมืองฝั่งเลสเซอร์ (Lesser Town) และเริ่มการเดินทางในวันที่ 6 จุดแรกคือสะพานชาร์ล (Charles Bridge)
สะพานชาร์ล (Charles Bridge)
สะพานหินสไตล์โกธิคแห่งนี้เชื่อมเมืองเก่า (Old Town) และเมืองฝั่งเลสเซอร์ (Lesser Town) ไว้ด้วยกัน โดยคำสั่งสร้างจากพระเจ้าชาร์ลที่ 4 (Charles IV) ในปี ค.ศ.1357 ถูกออกแบบโดยสถาปนิคที่ชื่อว่า เพทเทรอ พาร์เลเชอร์ (Petr Parl?r) คนเดียวกันกับที่ออกแบบ มาหาวิหารเซนวิตัส (St. Vitus Cathedral) ที่นี่คนจะเยอะตลอดทั้งวัน แนะนำให้ไปตอนเช้าตรู่มากๆและต้องระวังกระเป๋าเงินเพราะโจรขโมยกระเป๋ามักแฝงตัวอยู่ในหมู่คน
โบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church)
โบสถ์สไตล์บาโรค (Baroque) แห่งนี้ตั้งอยู่ในฝั่งของเมืองเลซเซอร์ (Lesser Town) ถูกสร้างขึ้นในระหว่างปี 1704 - 1755 โดยสองพ่อลูกที่ชื่อว่า คริสโตฟ(Christoph Dientzenhofer) และคิเลียน อิกนาซ ดินเซินฮอเฟอร์ (Kilian Ignaz Dientzenhofer) แต่ทั้งสองคนเสียชีวิตก่อนที่จะเห็นโบสถ์สร้างเสร็จ และถูกสร้างต่อโดยลูกเขยของคิเลียน ชื่อว่า อานเซลโม ลูราโก (Anselmo Lurago) ซึ่งเป็นโบสถ์ที่สร้างเพื่อรำลึกถึง เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas) ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในปรากสร้างโดยนิกายโรมันคาทอลิก
ปราสาทปราก (Prague Castle)
ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 หรือเกือบพันสองร้อยปีมาแล้วโดยโดยริเริ่มจากกษัตริย์ที่ชื่อว่า บอเชวอยแห่งราชวงค์เชมมี่สโลฟชี (Prince Borivoj of the Premyslovci Dynasty) จากข้อมูลของโวล์ดกินเน็ตบุ๊ค ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่มีความซับซ้อนที่ใหญ่มากที่สุดในโลก มีพื้นที่ 437.5 ไร่ เป็นหนึ่งในมรดกโลก และสมัยก่อนเป็นที่พำนักของเหล่ากษัตริย์หลายพระองค์แต่หลังจากการล่มสลายของ อาณาจักรอัสโตร-ฮังกาเรียน (Austro-Hungarian empire) ก็กลายเป็นทำเนียบประธานาธิบดี
มหาวิหารเซนวิตัส (St Vitus’s Cathedral)
มหาวิหารสไตล์นีโอ-โกธิค (Neo-Gothic) และ เรเนสซองค์ (Renaisance) แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1344 โดยคำสั่งของจอร์นแห่งลักเซมเบริ์ก (John of Luxemburg) สถาปนิกคนแรกผู้ออกแบบคือเมททิวแห่งอาราส (Matthew of Arras) แต่หลังการตายของเขาก็มีสถาปนิกคนใหม่ คือ สวาเบียง ปีเตอร์ ปาร์เลอร์ (Swabian Peter Parler) หรือคนเดียวกันกับที่ออกแบบสะพานชาร์ลนั้นเอง เขาสรรสร้างต่อจนกระทั้งมีสงครามอัสไซส์ (Hussite) แต่เขาเสียชีวิตก่อนที่จะได้เห็นมัน การสร้างมหาวิหารกินเวลานานและเสร็จสมบูรณ์ในช่วงศตวรรษที่ 19-20 ใช้เป็นที่เก็บมงกุฎเพชรของเช็ก (Czech Crown Jewels) และเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์เวนเซสลัส (Wenceslas)
พระราชวังเก่า (Old Royal Palace)
พระราชวังเก่าอยู่ถัดจากมหาวิหารเซนวิตัส (St Vitus’s Cathedral) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 11 ใช้เป็นที่ประทับของเหล่าเจ้าชายแห่งโบฮิเมีย ประกอบด้วยสามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นพระราชวังสไตล์โรมันถูกสร้างโดยโซเบสลาฟ (Sobeslav) ใน ศ.ศ 1135 ต่อมา ปรามมิซอ ออตาคาร์ ที่ 2 (Premysl Otakar II) และชาร์ล ที่ 4 (Charles IV) สร้างวังของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาเป็นชั้นที่สอง และชั้นที่สามก็ถูกสร้างขึ้นโดย วาดิสลาฟ จากีโล (Vatislav Jagiello) ส่วนนี้เป็นห้องโถงขนาดใหญ่สไตล์กอธิคและตั้งตามชื่อของเขา (Gothic Vladislav Hall) เคยถูกใช้เป็นที่ทำงานของรัฐบาลและสภาเก่าในยุคโบฮิเมียน
ถนนทองคำ (Golden land)
อยู่ด้านทิศเหนือของปราสาท ครั้งแรกกษัตริย์รูดอล์ฟที่ 2 มอบที่ดินเล็กๆนี้ให้แก่นักแม่นปืน 24 คน พวกเขาจึงต้องสร้างบ้านหลังๆเล็กอยู่กันและที่เรียกว่าถนนทองคำก็เพราะเชื่อว่าเคยมีนักเล่นแร่แปลธาตุ ที่สามารถแปรทองได้อยู่ที่นั้น
ตรวจสอบข้อมูลตั๋วได้ที่ https://www.hrad.cz/en/prague-castle-for-visitors/tickets
7 สำรวจย่านเมืองเก่า
จัตุรัสเมืองเก่า (Old Town Square)
ที่นี่ดึงดูดผู้เยี่ยมชมจำนวนมาก เนื่องจากมีอาคารและอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดี เช่น โบสถ์ ศาลาว่าการเมืองเก่าและโบสถ์เซนต์นิโคลัส (St. Nicholas Church) อีกแห่งหนึ่งของปราก อาคารอีกหลังหนึ่งที่โดดเด่นมากคือศาลากลางเก่าซึ่งมีอายุย้อนไปถึงปี 1338 และถูกเพิ่มเติมให้มีนาฬิกาดาราศาสตร์ในปี 1410
Old Town Hall Tower และ Astronomical Clock
ก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1338 เป็นสถานที่ใช้การปกครองเมืองในอดีต เคยเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดของเมืองซึ่งเป็นสไตล์กอธิคมีนาฬิกาดาราศาสตร์ (Orloj หรือ Astronomical Clock) โดยทุก ๆ ชั่วโมงเวลา 9.00 น. ถึง 23.00 น. อัครสาวกทั้งสิบสองคนจะหมุนตัวออกมาพร้อมกับเสียงระฆัง เราสามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวแบบ 360 องศา และที่นี่จะมีคนเยอะตลอดทั้งวัน
สามารถตรวจสอบของมูลตั๋วได้ที่ https://www.prague.eu/en/object/places/3126/old-town-hall-tower
The Church of our Lady before Tyn
คริสตจักรกอธิคแห่งนี้ถูกสร้างในช่วงกลางศตวรรษที่ 14 ใช้เป็นโบสถ์หลักในช่วงสงครามอุสไซต์ (Hussite’s War) ภายในโบสถ์โดยเฉพาะแท่นบูชาเป็นหนึ่งในสิ่งที่สร้างอย่างประณีตที่สุด ด้านนอกจะสังเกตเห็นว่าขนาดของหอคอยทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เป็นตัวแทนของผู้หญิงและผู้ชาย
Kinsky Palace
ที่นี้เป็นพระราชวังสไตล์นีโอ รอคโคโค (Neo Rococo) ที่น่ารักที่สุด ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1755 -1765 ให้กับ ยาน อานอส กอซ (Jan Arnost Goltz) โดยเขาอยากให้มีทางเข้าสองทางอยู่ใต้ระเบียง หลังจากการเสียชีวิตของเขา พระราชวังแห่งนี้ก็ตกเป็นของตระกูลคินสกี (Kinsky)จากรูปด้านล่างคืออยู่ทางด้านขวามือของอนุสาวรีย์ยาน อุส (Jan Hus)
ที่เรายกมานี้คือสิ่งที่ต้องได้เยี่ยมชมเมื่อมาปราก อย่างไรก็ตามยังมีสถานที่มากมายให้เราได้ค้นหาเมื่อไปถึงที่นั้น การขับรถครั้งนี้ถือเป็นการเดินทางที่น่าประทับใจและน่าจดจำไปอีกนาน
ของฝากจากเช็ก
ร้านของฝากจะมีอยู่ทั่วไปในแหล่งท่องเที่ยว ของฝากที่นิยมกันได้แก่
- แก้วที่ไว้ดื่มของร้อน ขอบเป็นสีทองและลายเป็นรูปต่างๆของเมืองคาโลวี วารี (Kalovy Vary)
- ขนมเวเฟอร์สปา (Spa Wafer) เป็นแผ่นกลมบาง สอดไส้หลายรูปแบบหลักๆคือรสช็อกโกเลต
- แก้วคริสตัลโบฮิเมียน (Bohemian Crytal) จากโรงงานผลิตแก้วสไตล์คาโลวีวารี ที่แนะนำเลยคือ โรงงานผลิตแก้วโมเซอร์ (the Moser Glass Factory) ที่ถูกสร้างขึ้นโดย ลุตวิก มูเซอร์ (Ludwig Moser) ในปี ค.ศ. 1800 เคยทำให้ราชวงศ์ออสเตรียน - ฮังกาเรียน (Austrian-Hungarian) ใช้อีกด้วย
- เหล้าเบรนด์ Becherovka ที่มีต้นกำเนิดแท้ๆจากเมืองนี้จากพิพิธภัณ์เจน เบเชอร์ (Jan Becher Museum) ซื้อได้ที่เมืองคาโลวี วารี (Kalovy Vary)
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการขับรถในประเทศเช็ก
สำหรับใบขับขี่ของไทยสามรถใช้ได้ในเช็ก เพราะมีภาษาอังกฤษกำกับเรียบร้อย โดยถนนหนทางที่นั้นสะดวกสบาย คนขับรถส่วนใหญ่เคารพตามกฎหมายและไม่มีปัญหารถติดเพราะระบบการขนส่งสาธารณะที่ดี
การเช่ารถ
วิธีการเช่ารถในเช็กนั้นไม่ยุ่งยากอะไร เพียงแค่โชว์ใบขับขี่ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี และเราต้องมีอายุมากกว่า 21 ปี จากนั้นเราก็เลือกรถพร้อมจ่ายค่าเช่าและค่าประกัน โดยราคาค่าเช่าอย่างต่ำอยู่ที่ CZK 500 ต่อวัน บริษัทที่ใหญ่ๆที่ให้เช่า เช่น Avis, Budget, and Europcar
กฎหมายการใช้ถนน
กฎในการขับรถของเช็กนั้นใช้มาตรฐานเดียวกันกับประเทศในสหภาพยุโรปอื่นๆ โดยในแต่ละที่และแต่ละเขตหรือช่วงถนนกำหนดความเร็วไม่เหมือนกัน บางที่อาจจะไม่ได้มีสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่าเราใช้ความเร็วได้เท่า ซึ่งถ้าใช้ GPS ก็จะหมดปัญหานี้ไป
การใช้ทางด่วน
สำหรับที่เช็กเราต้องซื้อสติกเกอร์ที่ใช้ผ่านทางด่วน โดยมีแบบระยะเวลาตั้ง สิบวัน หนึ่งเดือน และหนึ่งปี โดยติดไว้ที่กระจกหน้ารถ
ที่จอดรถ
อาจจะต้องปวดหัวกับที่จอดรถ เพราะเราต้องดูให้ดีๆ หากที่จอดมีเส้นสีฟ้าแสดงว่าคนท้องถิ่นของที่นี่เท่านั้นที่จอดได้ ถ้าเป็นเส้นสีขาวบางที่อาจจะฟรี บางที่อาจจะต้องจ่ายเงินแต่ถ้าต้องจ่ายก็จะมีป้ายที่เป็นสัญลักษณ์ตัวพี (P) และเราจะสังเกตเห็นเครื่องจ่ายเงินอยู่แถวนั้น อย่างไรก็ตามบางเครื่องสามารถจ่ายผ่านบัตรได้แต่บางเครื่องรับแค่เหรียญเท่านั้น
เบอร์โทรกรณีฉุกเฉิน
รถพยาบาล: 155
ตำรวจ: 158